เพิ่มรูป แก้ไข View : 2,461

เที่ยวอีสาน สืบสานความงาม

เที่ยวอีสาน สืบสานความงาม

1.ภูทอก จ.เลย

จุดชมทิวทัศน์เป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน และเป็นจุดชมทิวทัศน์ อ.เชียงคานได้รอบด้าน ด้านทิศเหนือก็จะเห็นแม่น้ำโขงไหลคดเคี้ยวผ่านสองฝั่งไทย-ลาว ทางฝั่งไทยจะเป็นที่ราบกว้าง ส่วนฝั่งลาวจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนปกคลุมด้วยป่าไม้ ช่วงที่พระอาทิตย์ตกจะเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยที่สุด

ภูทอก

 

2.ภูทอก บึงกาฬ จ.บึงกาฬ

ภูเขาหินทรายสีแดงสวยงามแห่งนี้ มีที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร มีการสร้างบันไดไม้วนรอบขึ้นสู่ยอดภูเขา แค่มองไปก็ไม่อยากจะคิดแล้วว่าการสร้างบันไดเหล่านี้ต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน ห้วงเวลาการสร้างบันไดกินเวลาทั้งสิ้นถึง 5 ปี ทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งมีความลาดชันค่อยข้างสูงมาก

ภูทอก

 

3.น้ำตกถ้ำพระ จ.บึงกาฬ

ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว เป็นน้ำตกที่เห็นครั้งแรกต้องตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่ของลานหินกว้าง น้ำตกขนาดใหญ่บนภูเขาหินทราย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ ธารน้ำใสสะอาดตา บรรยากาศพรรณไม้นานาชนิด และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเชิงธรรมชาติที่ทุกคนพลาดไม่ได้ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ไหลอยู่บนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝนเท่านั้น

น้ำตกถ้ำพระ

 

4.โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ จ.ยโสธร

มีประวัติเล่าสืบกันมาว่าในปี ค.ศ.1908 มีผู้หนีตายอพยพจากที่ต่างๆกันเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้รวม 5 ครอบครัว ซึ่งหนีมาด้วยสาเหตุเดียวกัน คือ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ ชาวบ้านในหมู่บ้านจึงรุมทำร้ายและขับไล่ จากนั้นได้เดินทางไปหาบาทหลวงเดชาแนล และบาทหลวงออมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ขอให้ไปช่วยขับไล่ผีปิศาจที่สิงสู่อยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวง ทั้ง 2 ท่าน ก็ยอมเข้าป่าลึกไปตามคำขอ เมื่อรู้สึกดีขึ้น ทั้ง 5 ครอบครัว จึงเข้านับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้

 

5.จุดชมวิว เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมทะเลหมอกยามเช้า และเก็บภาพบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ เนื่องจากเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีสถานที่ไว้ให้ยืนชมทะเลหมอก โดยที่ไม่ต้องกลัวตก จึงเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจอดรถข้างทาง และข้ามมาชมวิวเป็นจำนวนมาก ในช่วงอากาศหนาว

จุดชมวิว เขาใหญ่

 

6.ทุ่งดอกกระเจียว จ.ชัยภูมิ

ชมดอกกระเจียวป่าหลากหลายสายพันธุ์ ต้นเดือนมิถุนายน ถึงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ได้ที่ อช.ป่าหินงาม และอช.ไทรทอง กิจกรรมที่น่าสในใจอื่นๆจะได้แก่ ขบวนแห่ดอกกระเจียวคืนทุ่ง การแข่งขันเดินเพื่อการกุศล ชมสวนหินงามป่าหินล้านปีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติปั้นแต่งตามแต่จะสุดจินตนาการการแสดง

ทุ่งดอกกระเจียว

 

7.ภาพเขียนสีโบราณ ผาแต้ม จ.อุบลราชธานี

บริเวณด้านล่างของผาแต้มมีภาพเขียนสี ก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี ทางอุทยานฯ ได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไปชมภาพเขียนสีเหล่านี้ที่หน้าผาด้านล่าง ระยะทางประมาณ 500 เมตร ภาพเขียนจะอยู่บนผนังหน้าผายาวติดต่อกันประมาณ 180 เมตร ซึ่งเป็นมุมต่ำกว่า 90 องศา มีภาพทั้งหมด ประมาณ 300 ภาพ แบ่งเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ภาพคนทำนา ภาพสัตว์ ภาพมือ ภาพลายเรขาคณิต และภาพตุ้ม (เครื่องมือจับปลาของชาวประมงริมโขง)

ภาพเจฃขียนสีโบราณ ผาแต้ม

 

8.เสาเฉลียง จ.อุบลราชธานี

เสาเฉลียงเป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สืบเนื่องมาจากกระบวนการกัดเซาะและกัดกร่อนด้วยอิทธิพลของน้ำและลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการสึกกร่อนโดยแม่น้ำหรือธารน้ำไหลกัดเซาะเป็นเวลาชั่วนาตาปี เกิดขึ้นในชั้นหินที่วางตัวอยู่ในแนวราบหรือเกือบราบและในแต่ละชั้นมีส่วนประกอบของแร่ที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีความแข็งและทนทานที่ไม่เหมือนกัน

เสาเฉลียง

 

9.สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

เป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินดังกล่าวจะจมอยู่ใต้บาดาล และด้วยแรงน้ำวนกัดเซาะ ทำให้แก่งหินกลายเป็นแอ่งเล็ก ใหญ่ จำนวนมาก ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง (ประมาณเดือนมกราคม – เมษายน) ทั้งนี้ ที่เรียกว่า "สามพันโบก" เพราะบนแก่งหินมีแอ่งน้ำขนาดเล็กใหญ่จำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง

สามพันโบก

 

10.เชียงคาน จ.เลย

เมืองเชียงคาน มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี บ้านไม้เก่าๆ ร้านกาแฟ มุมหนังสือเล็กๆ เท่านั้น แต่กลับมีนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เดินเที่ยวกันให้เต็มไปหมด อาจจะด้วยเพราะเมืองเชียงคานนี้เงียบสงบ บรรยากาศดี ด้วยการที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แต่ผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่ที่ไม่มากจนเกินไปได้อย่างลงตัวในแบบฉบับของเชียงคาน ผู้คนที่เชียงคานก็เป็นมิตร อัธยาศัยดี และการไปเที่ยวที่เชียงคานก็ไม่แพงจนเกินกำลัง

เชียงคาน